สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ
ที่จอดรถ
ทางลาด
ห้องน้ำ
ทางผู้พิการทางการเคลื่อนไหว
ทางเดินผู้พิการทางสายตา
ลิฟท์
สิ่งอำนวยความสะดวก
ห้องน้ำ
อาหาร
ร้านค้า
ที่จอดรถ
สัตว์เลี้ยง
ผู้สูงอายุ
ผู้ปกครอง
สำหรับเด็ก
*สีเขียว มีบริการ
**สีเหลือง หมายถึง อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือมีแล้วแต่ยังไม่ได้มาตรฐาน
***สีเทา(สีแดง) หมายถึง ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ
หนังสือ "เที่ยวเมืองพระร่วง" พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (ต่อมาคือ รัชกาลที่ 6) แสดงว่าทรงทราบชื่อวัดมาจากผู้ชำนาญเส้นทาง เชื่อว่าเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันมาแต่เดิม อย่างไรก็ตามมีการค้นพบชื่อ วัดเชตุพน ในจารึกหลายหลัก เช่น จารึกวัดสรศักดิ์ จารึกที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดอินทาราม ฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร และจารึกบนแท่งหินชนวนปลายแหลม จำหลักรูปพระพุทธรูปและตัวอักษร ซึ่งพบที่วัดนี้ มีเนื้อความโดยสรุปว่า พุทธศักราช 2057 เจ้าธรรมรังสีภิกษุ ผู้บวชได้ 22 พรรษาได้สร้างพระพุทธรูปอันงดงาม ประดิษฐานไว้ให้คนกราบไหว้ ระบุความตอนท้ายว่า "หินนี้ท่านเอาแต่เขาพระขพงหลวงมาแล" ตรงกับที่พบแหล่งสกัดหินชนวนที่ภูเขาหลังเมืองสุโขทัย ที่อาจเป็น "เขาพระขพงหลวง" ในจารึกก็ได้ จารึกเหล่านี้ทำให้ทราบว่ามีวัดเชตุพนอยู่ในเมืองนี้ และมีความสำคัญอย่างยิ่งด้วย
สิ่งที่ทำให้วัดเชตุพนยิ่งใหญ่และควรจะไปชมให้ได้ คือภูมิปัญญาในการใช้หินชนวน ซึ่งเป็นหินแปรชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติคือมีสีสวยงาม เนื้อมันเงา แกร่งในระดับหนึ่งแต่สามารถจำหลักลวดลายได้ คนในสมัยสุโขทัยนิยมตัดมาใช้ประโยชน์ เช่น ทำแผ่นจารึก ทำแผ่นส้วม ทำกระเบื้องปูพื้น แต่ไม่มีที่ใดที่นำหินชนวนขนาดใหญ่มาใช้ตกแต่งมากมายเท่าวัดเชตุพนแห่งนี้ ซึ่งใช้หินชนวนมาปูพื้น ทำระเบียง และซุ้มประตู โดยเลียนแบบเครื่องไม้ด้วยกรรมวิธีสอดสลักอย่างสวยงาม
สิ่งที่ต้องห้ามพลาด
1. พระพุทธรูปสี่อิริยาบท นั่ง นอน ยืน เดิน
2. กำแพงแก้ว
3. สถาปัตยกรรมหลักของวัดคือ มณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปสี่อิริยาบถ คือนั่ง นอน ยืน และเดิน ด้านละ 1 องค์ ทั้ง 4 ทิศ ซึ่งปัจจุบันหลังคาและผนังมณฑปไม่เหลืออยู่แล้ว พระพุทธรูปยืนด้านทิศตะวันตก ซึ่งหักพังเหลือเพียงส่วนพระองค์ สามารถสังเกตแกนไม้ที่สดไว้ในพระกร เพื่อทำให้ยื่นพระกรออกมาด้านหน้าได้อย่างชัดเจน ด้านหน้ามณฑปมีวิหารซึ่งเหลือเพียงฐานและเสา
4. มณฑปประดิษฐานพระพุทธรูป ก่อด้วยอิฐ ทรงย่อมุมยี่สิบ ค่อนข้างสมบูรณ์ซึ่งเหลือเพียงไม่กี่แห่งในสุโขทัย ซุ้ม กรอบประตู และเพดานทำด้วยหินชนวน ที่เพดานยังมีร่องรอยว่าเคยเขียนภาพจิตรกรรมไว้แต่ลบเลือนจนดูไม่ออกแล้ว พระพุทธรูปที่ประดิษฐานในมณฑปก็ปรักพัง ซุ้มกรอบทางด้านหลังมณฑปมีจิตรกรรมเขียนสีรูปดอกพุดตานในช่องกระจกหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ถือเป็นจิตรกรรมหนึ่งในสามแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเมืองโบราณสุโขทัย
5. โพธิฆระ หมายถึงที่สำหรับปลูกต้นโพธิ์ อยู่ด้านหลังถัดจากมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูป เหลือเพียงส่วนฐานก่อด้วยหินชนวน
6. สถาปัตยกรรมหินชนวน ทั้งซุ้มประตู พื้น ระเบียง สะพาน ซึ่งมีขนาดใหญ่และแสดงถึงภูมิปัญญาในการก่อสร้างของคนในสมัยสุโขทัย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Link : http://www.phraruangheritage.com/th/travel_historicalpark_sukhothai_wat_chetuphon.php