สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ
ที่จอดรถ
ทางลาด
ห้องน้ำ
ทางผู้พิการทางการเคลื่อนไหว
ทางเดินผู้พิการทางสายตา
ลิฟท์
สิ่งอำนวยความสะดวก
ห้องน้ำ
อาหาร
ร้านค้า
ที่จอดรถ
สัตว์เลี้ยง
ผู้สูงอายุ
ผู้ปกครอง
สำหรับเด็ก
*สีเขียว มีบริการ
**สีเหลือง หมายถึง อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือมีแล้วแต่ยังไม่ได้มาตรฐาน
***สีเทา(สีแดง) หมายถึง ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ
เดิมชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า "วัดสลัดได" เพราะมีต้นไม้ชนิดนี้ ซึ่งเป็นพืชตระกูลกระบองเพชรขึ้นอยู่ภายในวัด แต่เมื่อกรมศิลปากรเข้าไปขุดแต่ง พบศิลาจารึกกล่าวถึงการสร้างวัดชื่อ "อโศการาม" โดยสมเด็จพระราชเทพีศรีจุฬาลักษณ์อัครราชมหิสี เทพธรณีโลกรัตน พระมเหสีของสมเด็จพระมหาธรรมราชาไสลือไท กษัตริย์พระองค์ที่ 8 แห่งสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. 1942 เพื่อประดิษฐานพระบรมธาตุที่ได้มาจากลังกา ทรงปลูกต้นไม้ เช่น สารภี บุนนาค พิกุล มะม่วง ขนุนมะขวิด มะพร้าว เพื่อให้วัดเป็นที่รื่นรมย์และนิมนต์พระสรภังคเถรมาครองวัดชื่อของวัดนี้อาจมาจากพระนามของพระราชโอรสพระองค์เล็กของพระองค์ คือ "พระอโศก" ในจารึกหลักนี้กล่าวยอพระเกียรติพระราชเทพีฯ ว่าทรงเป็นเบญจพิธกัลยาณี คือสตรีที่มีความงาม 5 ประการ ประกอบด้วย ผมงาม เนื้องาม ฟันงาม ผิวงาม วัยงาม ทรงมีพระอิสริยยศประเสริฐ ทรงฝักใฝ่ในการกุศล เคารพในพระรัตนตรัย กระนั้นในตอนท้ายจารึกก็ยังระบุความปรารถนาจะได้เกิดใหม่ "เป็นผู้ชาย" ของพระองค์เพื่อจะได้บวชแล้วบรรลุธรรมขั้นสูงสุด วัดอโศการามในเวลานี้ ยังปรากฏเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ที่เหลือเพียงส่วนฐานซ้อนชั้น ส่วนยอดพังทลายลงมาหมดแล้ว ล้อมรอบด้วยเจดีย์ราย ด้านหน้ามีวิหารหลวง ใกล้กันมีมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งพังทลายลงแล้วเช่นกัน วัดนี้เป็นอีกวัดหนึ่งที่เราสามารถทราบชื่อเดิมของวัดจากจารึก
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Link : http://www.phraruangheritage.com/th/travel_historicalpark_sukhothai_wat_asokaram.php